ควรให้ลูกน้อยเล่นแท็บเล็ตหรือไม่
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายนะครับที่เด็กทุกวันนี้ ลืมตาขึ้นมาดูโลก
ก็พบกับไอแพด ไอโฟนเลย ความที่มันเป็นหน้าจอแบบสัมผัส (Touch Screen)
ใช้ง่าย แค่ใช้นิ้วแตะหรือถูไถ ก็ทำให้เกิดภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงได้
จึงทำให้เด็กอายุเพียง 1-2 ขวบ สามารถเข้าถึงได้
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้พบเด็กติดเกมอายุน้อยที่สุดซึ่งผมเคยพบ
คืออายุเพียง 1 ปี 10 เดือน
แม้ว่าเด็กคนนี้จะมาด้วยปัญหาพัฒนาการทางภาษาล่าช้ากว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย
แต่เด็กน่าจะมีปัญหาขาดกระตุ้นพัฒนาการภาษาและสังคมที่เหมาะสมด้วย
เนื่องจากเด็กใช้เวลาเกือบตลอดวันไปกับแอปพลิเคชั่นเกมต่างๆ
โดยลูกมักจะเล่นโทรศัพท์มือถือไอโฟนตามพ่อ และเล่นไอแพดของแม่ ทั้งๆ
ที่ยังพูดไม่ค่อยจะได้เลย
แต่เด็กคนนี้จะทำท่าขับรถเพื่อสื่อว่าต้องการเล่นเกม ซึ่งเป็น
แอปพลิเคชั่นเกม ในโทรศัพท์มือถือนั่นเอง นอกจากนี้ยังชื่นชอบเกมอื่นๆ
เช่น เกมเถูสบู่ ซักผ้า รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นสอน ABC บนไอแพดอีกด้วย
คุณแม่เล่าว่าส่วนหนึ่งมาจากคุณพ่อ ซึ่งใช้เวลาถึงร้อยละ 80
ในชีวิตประจำวัน
ไปกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตโดยครึ่งหนึ่งใช้เวลาไปกับสื่อสังคมออนไลน์
เวลาอีกครึ่งเพื่อเล่นเกม (คุณพ่อก็ติดเกมเหมือนกัน )
อีกรายหนึ่งเป็นเด็กอายุ 2 ปี 8 เดือน
มาด้วยปัญหาพัฒนาการทางภาษาและสังคมล่าช้ากว่าเกณฑ์ของเด็กวัยเดียวกัน
มีประวัติ ดูคอนเสิร์ตจากยูทูป (Youtube) ในไอแพด เกือบตลอดวัน
นอกจากนี้ยังชอบเล่นแอปพลิเคชั่นสอนภาษาอังกฤษ ABC
ที่เมื่อสัมผัสการ์ดรูปภาพ ก็จะมีเสียงภาษาอังกฤษ
แม้ว่าเด็กคนนี้จะออกสำเนียงภาษาอังกฤษได้ชัด
แต่ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างเด็กปกติ
ทุกวันนี้แอปพลิเคชั่นสำหรับเด็กเล็ก ได้หลั่งไหลออกมาสู่ตลาดอย่างมากมาย
ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นเหล่านี้มักอ้างว่าเป็นแอปพลิเคชั่นการศึกษา
พบว่าในไอจูนของบริษัทแอปเปิล มีแอปพลิเคชั่นสำหรับเด็กถึง 700 รายการ
ซึ่งรวมไปถึงแอปพลิเคชั่นซึ่งอ้างว่า
"ช่วยพัฒนาการประสานงานกันระหว่างมือและตา ช่วยเพิ่มสมาธิ
หรือช่วยกระตุ้นทักษะของกล้ามเนื้อมัดเล็ก
พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็รู้ว่าสามารถหาซื้อและดาว์นโหลดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
มันช่วยดึงความสนใจ ทำให้ลูกน้อยอยู่นิ่งๆ ได้
แต่แท้ที่จริงแล้วมันมีประโยชน์จริงหรือไม่
คำเตือน
มีคำแนะนำบิดามารดาจากสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (The American
Academy of Pediatrics, AAP) ออกมาย้ำเตือนอีกว่า
ไม่ควรให้เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ
ใช้เวลากับหน้าจอของอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
เนื่องจากสมาคมมีความกังวลว่าจะทำให้พัฒนาการทางภาษาล่าช้าและรบกวนการนอนหลับของเด็ก
รายงานใหม่ล่าสุดของสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
การดูโทรทัศน์อาจรบกวนเวลาในการพูดคุย (talk time) ระหว่างพ่อแม่และเด็ก
อันเป็นสิ่งซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับพัฒนาการทางภาษาของเด็ก
แต่ผลกระทบของโทรทัศน์นั้น จะนำไปใช้กับผลกระทบของไอแพดด้วย ได้หรือไม่นั้น
น.พ.อารี บราวน์
กุมารแพทย์และเป็นสมาชิกของสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า
"ยังไม่มีความชัดเจน เรายังไม่มีการศึกษาเพียงพอ"
กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งกล่าวว่า
"บางทีอาจขึ้นกับวิธีการใช้ด้วย หากเราใช้เครื่องแทบเล็ตเหมือนโทรทัศน์
(ตัวอย่างเช่นการดู Youtube) ก็ควรถือว่าต้องใช้คำแนะนำแบบเดียวกัน"
อย่างไรก็ตามเธอคิดว่า
อาจเป็นไปได้ที่เราจะใช้แอปพลิเคชั่นที่มีปฏิสัมพันธ์เล่นกับลูกน้อยบ้าง
ตัวอย่างเช่น ให้เด็กแตะที่ภาพวัว แล้วมีเสียง "มอ" ออกมา
แต่อย่างไรก็ดีไม่ควรใช้แอปพลิเคชั่นใดๆ
เพื่อสอนทักษะสำคัญของชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งซึ่งเป็นสามมิติในโลกความเป็นจริง
น.พ.ดิมิทรี คริสทาคิส ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพ พฤติกรรมและพัฒนาการเด็ก
ของโรงพยาบาลเด็กแห่งซีเอตเทิล ระบุถึงแอปพลิเคชั่น
เกี่ยวกับการการสร้างบล็อกหรือต่อเลโก้ว่า "เราไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้
เข้ามาแทนที่การต่อบล็อกหรือต่อเลโก้จริงๆ ซึ่งเด็กๆ เคยเล่นอยู่แล้ว
นี่ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ทำไมเราไม่ให้เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆ
จากโลกแห่งความเป็นจริงบ้าง"
• มีประโยชน์บ้างหรือไม่
อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่า
บางแอปพลิเคชั่นอาจช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กโตๆ ได้
จากงานวิจัยล่าสุดโดยกระทรวงศึกษาธิการ
ของสหรัฐอเมริกาพบว่าแอปพลิเคชั่นบนไอโพน PBS Kids
สามารถเพิ่มการเรียนรู้คำศัพท์ ให้เด็กวัย 3-7 ปี ได้มากถึงร้อยละ 31
ในช่วยระยะเวลา 2 สัปดาห์ ศาสตราจารย์ โรส ลักคิน
ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญศูนย์ออกแบบการเรียนรู้ ของมหาวิทยาลัยลอนดอน
พบว่าอุปกรณ์แท็บเล็ตสามารถจุดประกายปฏิสัมพันธ์ในกระบวนการเรียนรู้ได้
เธอพบว่าเด็กอายุ 5-6
ปีซึ่งใช้แท็บเล็ตบันทึกกิจกรรมที่โรงเรียนแล้วนำกลับไปบอกพ่อแม่ที่บ้าน
จะมีแนวโน้มที่จะเกิดกระบวนการการเรียนรู้ดีกว่าประโยชน์อย่างหนึ่งของเทคโนโลยี
เช่นไอแพดนี้ อาจมีข้อดีบางอย่างคือ
มันอาจเป็นตัวกระตุ้นให้พ่อแม่และเด็กสนทนากัน
อุปกรณ์แท็บเล็ตอาจไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
หากเราเลือกใช้มันเป็นตัวช่วยสร้างเสริมการพูดคุย
แทนที่จะใช้มันโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ลักคินกล่าวว่าสามัญสำนึกในการใช้เป็นสิ่งสำคัญ
หากปล่อยให้เด็กคนหนึ่งนั่งเล่นไอแพด คนเดียวทั้งวัน
คงจะไม่มีประโยชน์อย่างแน่นอน คำแนะนำของเธอก็คือ
จงใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อเป็นตัวเสริมการเลี้ยงดูในครอบครัว
แต่อย่าปล่อยให้มันดึงเวลาจากครอบครัวไปจนหมด
ในช่วงเวลาที่พ่อแม่กำลังยุ่งกับงาน ไม่มีเวลาให้ลูก
ควรปิดอุปกรณ์เหล่านี้
อย่าปล่อยให้ลูกหลานเล่นอุปกรณ์เหล่านี้อย่างเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย
ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งกล่าวเตือนว่า "ไม่มีพ่อแม่คนใด มีเวลาให้ลูกตลอด 24
ชั่วโมงทุกวัน แต่อย่าลืมว่า ตอนเราเป็นเด็ก
แม่ของเราใช้วิธีหยิบยื่นของเล่นให้แล้วพูดว่า...เล่นของเล่นนี่
ไปก่อนนะลูก" จงปล่อยให้เด็กมีเวลาในการเล่นอย่างอิสระ
ตามความต้องการของตนเองบ้าง
เด็กคงไม่ได้ต้องการจะรับการกระตุ้นจากภายนอกตลอดทั้งวันเป็นแน่
ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา
คุณพ่อคุณแม่ยุคนี้จึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูล ผลดี ผลเสียของอุปกรณ์ใหม่ๆ
เหล่านี้ แล้วใช้วิจารณญาณ
เลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับลูกหลานของเราครับ
เรื่อง : น.พ. กมล แสงทองศรีกมล
กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
ขอขอบคุณ ข้อมูลจากโรงพยาบาลกรุงเทพ
ขอขอบคุณ : http://motherandchild.in.th